Last updated: 9 ธ.ค. 2563 | 3005 จำนวนผู้เข้าชม |
1.กิ่วแม่ปาน อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตรง กม.ที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ ใกล้กับพระมหาธาตุ นภเมทนีดลและ พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เป็นวงรอบระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตร จาก ระดับน้ำทะเลถือ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและ ทะเลหมอกที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง ของดอยอินททนท์เส้นทางช่วงแรกผ่านเข้าไปในป่าดิบเขาซึ่งมี บรรยากาศร่มครึ้ม มีแสงแดดส่องลงมาเพียงรำไรตามพื้นป่าเต็มไปด้วย เฟินหลากหลายชนิด มีมอสสีเขียวขึ้นคลุมตามโคนต้นไม้และบริเวณริมห้วยที่ชุมชื้น ทางจะเดินขึ้นเขาจนทะลุออก ยังทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ของ สันกิ่วแม่ปานซึ่งมีแสง แดดจ้าและสายลมแรงมาถึงจุดชมวิวสูงสุด ถัดจากจุดชมวิวไปจะเป็นทางเดิน เลียบไปตามสันเขาเลียบหน้าผา มีความกว้างประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะสามารถเดินได้เพียงคนเดียว จึงเป็นที่มาของชื่อ “กิ่วแม่ปาน” ระหว่างทางจะมีต้นไม้ น้อยใหญ่ ให้ชมอย่างเพลิดเพลิน
2.ภูชี้ดาว ตั้งอยู่ที่ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ระหว่างภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง ใกล้กับภูชี้เดือน ภูชี้ดาวมีความสูงประมาณ 1,800 เมตร ซึ่งสูงกว่าทั้งภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้ง สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของภูชี้ดาว คือ วิวของยอดเขาที่เชิดชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า จึงเป็นที่มาของชื่อ ภูชี้ดาว สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นจากจุดชมวิวภูชี้ดาว คือ การได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่คลอเคลียตามเทือกเขาที่เรียงรายสลับซับซ้อนในยามเช้า และรอบยอดภูที่ชี้ขึ้นถือเป็นภาพที่สวยงาม วิวทิวทัศน์ของภูชี้ดาวนั้นมองเห็นได้ 360 และสามารถมองเห็นภูชี้ฟ้าและดอยผาตั้งอยู่ไกลลิบๆ ท่ามกลางฉากหลังอันเป็นแม่น้ำโขงคดเคี้ยว บวกกับธรรมชาติอันเป็นป่าสมบูรณ์ด้านล่าง
3.ปางอุ๋ง หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลัง ต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริ ให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้าง ความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป
4. อุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และอำเภอท่าลี่ อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นภูเขาสูงบนยอดเขามีลักษณะแปลกก็คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาขนาดใหญ่ และเมื่อมองโดยรอบในที่สูงจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนกันสวยงาม อุทยานภูเรือตั้งอยู่บนยอดเขาสูงทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นอุทยานที่มีอากาศหนาวเย็นที่สุดของประเทศโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะหนาวเย็นมาก จนกระทั่งน้ำค้างบนยอดหญ้าจะแข็งตัว ภาษาพื้นเมือง เรียกว่า "แม่คะนิ้ง" นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาเที่ยวและถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงรุ่งเช้า เพราะจะสามารถชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและวิวทะเลหมอกอย่างสวยงาม
5.บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็กๆในหุบเขาแห่ง ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เมืองแห่งเหมืองแร่ที่เคยรุ่งเรืองในอดีต หลังจากตำนานอันรุ่งโรจน์ได้ปิดตัวลง คงไว้ซึ่งหมู่บ้านท่องเที่ยวยอดฮิต ที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ เหมือนมีมนต์สะกดให้นักท่องเที่ยวผู้โหยหาธรรมชาติ เดินทางเข้ามาสัมผัสอากาศอันบริสุทธิ์ ยิ่งในช่วงฤดูฝนจะได้พบกับภาพไอหมอกปกคลุมทั้งหมู่บ้าน กลายเป็นภาพที่โรแมนติกงดงามมาก
6.อุทยานภูลังกา คือ อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงของอำเภอเชียงคำ และอำเภอปง จังหวัดพะเยา อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหยวนและป่าน้ำลาว และป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ยม มีเนื้อที่ประมาณ 7,800 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2545 โดย “ภูลังกา” นั้นเป็นภูเขาสูงชันอยู่ใน เทือกเขาสันปันน้ำ วางตัวอยู่ในแนวตะวันออก-ตะวันตก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 900-1,720 เมตร มีลำห้วยที่สำคัญ คือ น้ำแม่คะไหลผ่านด้านทิศใต้ ห้วยน้ำต้มและน้ำแม่รูไหลลงน้ำแม่รูทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห้วยคะแนงและห้วยป่ายางไหลลงน้ำแม่ลาวทางทิศเหนือ ลำห้วยทั้งหมดจะไหลลงสู่แม่น้ำยมต่อไป
7.เข้าช่วงปลายฝนได้เวลาไปสัมผัสกับอากาศสดชื่นบริสุทธิ์ อยากพักชาร์ตแบตมองวิวภูเขาให้หายเหนื่อย เขาค้อ ยังคงเป็นคำตอบสำหรับการท่องเที่ยวที่ให้ความรู้สึกแบบนั้น แถมมีจุดเช็คอินใหม่ทุกปี ทำให้สามารถไปเที่ยวได้ตลอดในแบบที่ไม่ต้องคิดว่าเคยไปตรงนั้นตรงนี้แล้ว และด้วยระยะทางที่ถึงแม้ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพเกือบห้าชั่วโมง แต่สามารถขับรถเที่ยวเองได้แบบไม่เหนื่อยมาก
8.ไปเที่ยวเมืองน่าน นอกจากจะไปไหว้พระ ไปดูภาพเขียนที่วัดภูมินทร์ หรือเดินชิลบนถนนคนเดินแล้ว มีอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากจะแนะนำให้ไปเที่ยว Journey กัน นั่นคือ “บ่อเกลือโบราณ” ที่บ้านบ่อหลวง เพราะบ่อเกลือที่นี่มีอายุยาวนานกว่า 200 ล้านปีเลยทีเดียวสำหรับบ่อเกลือโบราณบ้านบ่อหลวง ตั้งอยู่บ้านบ่อหลวง หมู่1 ต.บ่อเกลือใต้ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ห่างจากที่ว่าการอำเภอบ่อเกลืออยู่ราว 600 เมตร และห่างจากตัวเมือง 90 กิโลเมตร หากขับรถจากตัวเมืองน่าน เอาเป็นว่าตั้งต้นจากวัดภูมินทร์ ให้ขับรถมาทางถนนมหาวงศ์ ข้ามแม่น้ำน่าน แล้วขับต่อเนื่องบนถนนหมายเลข 1169 ราว 40 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาขึ้นถนนหมายเลข 1081 ลัดเลาะไปตามแนวเขาอีกประมาณ 50 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางไปบ้านบ่อเกลือ หรือจะค้นหาจาก google map ด้วยคำว่า “บ่อเกลือสินเธาว์ บ้านบ่อเกลือ” แล้วให้แผนที่นำทางไปได้เช่นกัน ไม่หลงแน่นอน
15 มี.ค. 2566
18 ก.ย. 2567
22 พ.ค. 2566
23 มี.ค. 2566