เกร็ดความรู้ คู่เจ้าของแบรนด์ OEM ODM OBM แตกต่างกันอย่างไร

Last updated: 13 มี.ค. 2566  |  1675 จำนวนผู้เข้าชม  | 

เกร็ดความรู้ คู่เจ้าของแบรนด์ OEM ODM OBM แตกต่างกันอย่างไร

 

 

     ในปัจุบันหลายๆ ท่านอยากเริ่มสร้างแบรนด์ หรือสินค้าของตัวเองกันมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่รับผลิตทุกขั้นตอน รวมถึงให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่อยากมีแบรนด์ ทั้งยังสามารถช่วยสร้างแบรนด์ให้ได้ และหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า OEM ODM และ OBM คืออะไร ? ความแตกต่างระหว่างทั้งสามแบบนี้คืออะไร ?

     OEM คืออะไร? ODM คืออะไร? OBM คืออะไร? สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่คนทำธุรกิจผลิตสินค้า สร้างแบรนด์เป็นของตัวเองควรต้องรู้จัก เชื่อว่าหลายคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ก็อาจจะเคยได้ยินคำว่า OEM, ODM และ OBM กันมาบ้าง เพียงแค่ไม่รู้ความหมายแต่ละคำศัพท์ว่าคืออะไร แล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกว่าคำศัพท์เหล่านี้ล้วนเป็นคำศัพท์ใช้ในการเรียกโรงงานผลิตสินค้าที่เปิดให้บริการแต่ละประเภทนั่นเอง ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเลือกโรงงานให้เหมาะกับสินค้าหรือธุรกิจของท่าน



     OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturing ซึ่ง OEM คือ การรับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัท โดยที่ไม่มีตราหรือแบรนด์สินค้า เพื่อให้บริษัทนำสินค้าไปขายในแบรนด์ของตัวเอง โดยโรงงานประเภทนี้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามที่ผู้สั่งกำหนด แล้วนำไปติดแบรนด์ของผู้สั่ง หรือไม่ติดแบรนด์เลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สั่งผลิตสินค้า

โดยกระบวนการผลิตโรงงานประเภท OEM นี้ ก็เริ่มตั้งแต่การคิด วิจัยสูตร วางแผน ออกแบบ ใช้เครื่องจักรในการผลิต ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของแบรนด์ประหยัดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่ายในการวางแผนจัดการโรงงานผลิต โดยไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงในการลงทุนผลิต และยังได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าอีกด้วย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการเริ่มต้นที่จะทำธุรกิจ



สรุป ข้อดี - ข้อเสีย ของโรงงานประเภท OEM

ข้อดีของ OEM

- OEM ต้นทุนในการผลิตสินค้าต่ำ จึงช่วยลดต้นทุนในการผลิตสินค้า

-  ไม่ต้องลงทุนวิจัยและพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์

- สามารถเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าได้ตามที่ต้องการ

- ไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงในการดูแลกระบวนการผลิต

- มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางการผลิตคอยดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการผลิตสินค้า

- สามารถย้ายฐานการผลิตไปยังโรงงานอื่น หรือย้ายไปผลิตที่ประเทศที่มีต้นทุนต่ำได้ตลอด

- เจ้าของแบรนด์ไม่ต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนลักษณะหรือกลยุทธ์ทางธุรกิจ

 

ข้อเสียของ OEM

- มีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงกว่า เมื่อเทียบกับมีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง

- กรณีใช้สูตรกลางในการผลิตสินค้า อาจจะทำให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพไม่แตกต่างจากแบรนด์อื่น ถ้าสินค้าไม่มีความแตกต่างหรือโดดเด่นมากพอ
อาจทำให้สร้างยอดขายได้ไม่มาก เพราะใครก็สามารถทำสินค้าเป็นของตัวเองได้


 


     ODM ย่อมาจาก Original Design Manufacture ซึ่ง ODM คือ การรับจ้างออกแบบและผลิตสินค้าให้บริษัท เพื่อนำไปขายในแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งลักษณะโรงงานประเภท ODM ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโรงงานประเภท OEM เลย เพียงแต่ว่า ODM สามารถพัฒนารูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำการผลิต และนำเสนอให้กับลูกค้าที่มีแบรนด์อยู่แล้ว หรือช่วยกันออกแบบ ปรึกษาหารือกัน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ออกมาดีที่สุด โดยลูกค้ามีหน้าที่ในการวางจำหน่ายและกระจายสินค้าเข้าสู่ตลาดเอง จึงทำให้การผลิตในรูปแบบ ODM นั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ออกมาพิเศษกว่าแบบ OEM แน่นอนว่าราคาค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงขึ้นตามไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสร้างแบรนด์ใหม่ ๆ


 
 
สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของโรงงานประเภท ODM

ข้อดีของ ODM

-  เหมาะกับผู้เริ่มต้นทำแบรนด์ใหม่

-  ไม่ต้องคิดค้น พัฒนา หรือออกแบบสินค้าเอง

-  เจ้าของแบรนด์ไม่จำเป็นจะต้องมีโรงงานเป็นของตัวเอง

- ไม่ต้องแบกรับภาระหรือความเสี่ยงต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตสินค้า

- สินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างกับสินค้าในตลาด จึงสร้างจุดเด่นได้ง่าย

- กรณีเลือกการออกแบบที่เป็น Exclusive คุณก็จะได้แบรนด์สินค้าที่ไม่ซ้ำใคร

- ช่วยลดต้นทุนในการผลิต สามารถย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ต้นทุนต่ำกว่าได้ตลอด

- มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาทางในการผลิต และการออกแบบ ที่คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด

        

ข้อเสียของ ODM

- ต้นทุนในการผลิตค่อนข้างสูงกว่าการผลิตเอง หรือเทียบกับโรงงานประเภทอื่น ๆ




    OBM ย่อมาจาก Original Brand Manufacturing ซึ่ง OBM คือ การผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของผู้ผลิต หรือเรียกง่าย ๆ ว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นั้นมีโรงงานผลิตที่เป็นของตัวเอง โดยโรงงานประเภท OBM ก็จะเริ่มตั้งแต่ดำเนินการศึกษา วิจัย พัฒนาสินค้าตั้งแต่กระบวนแรก ไปจนถึงขั้นตอนการผลิตสินค้า และรับผิดชอบด้านการจัดจำหน่ายสินค้าของแบรนด์ตัวเองเข้าสู่ตลาดอีกด้วย

ซึ่งโรงงานประเภทนี้เหมาะสำหรับแบรนด์ที่มีความมั่นคงแข็งแรง และต้องการเติบโตอย่างเต็มที่ และมีชื่อเสียงที่สามารถทำการตลาดภายใต้แบรนด์ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากแบรนด์มีความแข็งแรงมากพอ และต้องการที่จะผลิตสินค้าจำนวนมากการสร้างโรงงานผลิตเองน่าจะตอบโจทย์ธุรกิจได้ดี เนื่องจากช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้ ทั้งนี้ ต้นทุนการผลิตสินค้าประเภท ก็อาจจะไม่เท่ากันในแต่ละล็อตการผลิต แต่เจ้าของแบรนด์ก็ยังสามารถควบคุมราคาและคุณภาพสินค้าได้อย่างอิสระ



สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของโรงงานประเภท OBM

ข้อดีของ OBM

- เจ้าของแบรนด์สามารถลดต้นทุนในการผลิตไปได้มาก

- มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ทำให้สามารถกำหนดจำนวนการผลิตสินค้าได้ตามที่ต้องการ
 
ข้อเสียของ OBM

- ต้นทุนการสร้างโรงงงานการผลิตสินค้าค่อนข้างสูง

- ไม่มีผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาคอยแนะนำในการผลิตสินค้า

- เจ้าของแบรนด์สามารถผลิตและออกแบบสินค้าเองได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ

 


 


สรุปภาพรวมสินค้า OEM ODM และ OBM แตกต่างกันอย่างไร

สรุปแบบสั้น ๆ ให้เข้าใจง่าย ดังนี้


สินค้า OEM

ประเภท : รับจ้างผลิตสินค้า

การพัฒนาและออกแบบสินค้า : เจ้าของแบรนด์

การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : ไม่สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกขั้นตอน

ต้นทุนสินค้า : ไม่สูงมากถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง

ทุนจัดตั้งโรงงาน : ไม่ต้องลงทุนจัดตั้งโรงงานและจ้างแรงงานด้วยตนเอง


สินค้า ODM

ประเภท : รับจ้างผลิตและออกแบบสินค้า

การพัฒนาและออกแบบสินค้า : โรงงาน , โรงงานและเจ้าของแบรนด์

การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : ไม่สามารถตรวจสอบขั้นตอนการผลิตได้อย่างละเอียด

ต้นทุนสินค้า : ค่อนข้างสูง ยิ่งถ้าเป็นสินค้าผูกขาดแบรนด์

ทุนจัดตั้งโรงงาน : ไม่ต้องลงทุนจัดตั้งแรงงานและจ้างแรงงานด้วยตนเอง


สินค้า OBM

ประเภท : สินค้าของโรงงานบริษัทนั้น ๆ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เอง

การพัฒนาและออกแบบสินค้า : เจ้าของแบรนด์พัฒนาและออกแบบด้วยตนเอง

การตรวจสอบคุณภาพสินค้า : สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ทุกขั้นตอน

ต้นทุนสินค้า : ต้นทุนต่ำ สามารถควบคุมราคาต้นทุนเองได้

ทุนจัดตั้งโรงงาน : ทุนในการจัดตั้งแรงงานและจ้างแรงงานสูง


  


วิธีเลือกโรงงานประเภท OEM อย่างไรให้ดีที่สุด

- เลือกโรงงานที่มีการคิดค้นและพัฒนาสูตร
ยิ่งถ้าคุณเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ แนะนำให้หาโรงงาน OEM ในไทยที่สามารถช่วยคิดค้นพัฒนาสูตรสินค้าให้กับเราได้ เพื่อจะได้สร้างจุดเด่นและความแตกต่างให้แบรนด์ไม่เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ

- เลือกโรงงานที่ใช้ส่วนผสมได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
สิ่งสำคัญการทำธุรกิจ OEM คือ สินค้าดีมีคุณภาพแน่นอนถ้าต้องการสินค้าที่ดีมีคุณภาพและตรงตามมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องเลือกโรงงานที่มีการใช้ส่วนผสมในการผลิตที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบมาแล้ว และที่สำคัญตัวโรงงานก็จะต้องได้รับมาตรฐานด้วยเช่นกัน ยิ่งถ้าเป็นสินค้าประเภทเครื่องสำอาง หรืออาหารเสริม ยิ่งต้องเลือกโรงงานที่มีใบรับรองคุณภาพและมาตรฐาน

- เลือกโรงงานที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาตลอดการผลิตสินค้า
สำหรับคนเพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ ยังจำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่จะต้องคอยให้คำปรึกษา ดังนั้น โรงงาน OEM ในไทยหลายแห่งจึงมีผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้ปรึกษา หากคุณเลือก OEM ในไทยที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญ สินค้าที่ผลิตออกก็อาจจะไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน

- เลือกโรงงานที่ให้บริการครบวงจร หรือ One stop service
การทำธุรกิจบางครั้งจำเป็นจะต้องมีผู้ช่วย ยิ่งถ้าบริษัทของคุณไม่มีโรงงานผลิตสินค้าเอง แนะนำให้เลือก OEM ในไทยที่พร้อมให้บริการครบวงจร หรือเรียกว่า One stop service เพราะจะช่วยให้ทำธุรกิจได้ง่าย และสบายมากยิ่งขึ้น ยิ่งถ้าได้โรงงานที่สามารถดูแลตั้งแต่เริ่มต้นการคิดค้น วิจัย คิดค้นสูตร ไปจนถึงการให้คำแนะนำการผลิตสินค้าไปจนถึงการจำหน่ายอย่างครบวงจรทุกขั้นตอนก็จะยิ่งดีมากขึ้น

 

     สำหรับใครอยากลองทำธุรกิจสร้างแบรนด์ของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะผลิตสินค้าอะไรแนะนำให้เลือกเป็นสินค้าใกล้ตัว ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น เครื่องสำอาง เวชภัณฑ์ เป็นต้น

     หากสนใจจะผลิตหรือสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง สามารถปรึกษากับทางโรงงาน ครีมเมอรี่ พลัส ซึ่งเป็นโรงงาน OEM/ODM ในประเทศไทยที่รับผลิตเครื่องสำอางครบวงจร พร้อมให้บริการแบบ One Stop Service พร้อมการันตีคุณภาพ และมาตรฐานระดับสากล โดยควบคุมการผลิตด้วยมาตรฐานระดับสากล GMP, ISO 9001, FDA, Green Industry

 



 

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้